หน้าหลัก
ITA
LPA
ประกาศจากระบบ e-GP
ประกาศจากระบบ e-GP ในเครือข่าย
เทศบาลตำบลป่าแดง ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้
ยอมรับ
หน้าหลัก
หน้าหลัก
ข้อมูลหน่วยงาน
ข้อมูลหน่วยงาน
บุคลากร
บุคลากร
การบริหารบุคคล
การบริหารบุคคล
ข่าวสาร
ข่าวสาร
แผน
แผน
รายงาน
รายงาน
ระเบียบ
ระเบียบ
บริการประชาชน
บริการประชาชน
กระดานสนทนา (Q&A)
กระดานสนทนา (Q&A)
เทศบาลตำบลป่าแดง
 
 
Hot News
เทศบาลตำบลป่าแดง ยินดีต้อนรับคะ
 
กระดานสนทนา
 
ข้าราชการ
          สอบเข้ามาก็ยากๆ  กว่าจะสอบได้ค่าชึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้ตระเวณสอบไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งถึงได้บรรจุ อยู่นานๆ ไปจะเลื่อนระดับจะ เลื่อนซีก็มีน้ำใจ จะย้ายเข้าย้ายออกก็มีน้ำใจ อย่างน้อยก็ขอซักโต๊ะ เป็นเรื่องธรรมดา อยู่ไปไม่เห็นคุณค่าก็ไล่ฆ่าไล่แกงออก   แถมสดๆ ใหม่ๆมีตำแหน่งให้พนักงานจ้างผู้ดูแลเด็กเป็น ข้าราชการ ดันมีหนังสือออกมาห้ามเรียกรับประโยชน์ แต่ขอโทษที มีมาก็ไม่กลัว เพราะเอามาก่อนไม่ให้ ก็จะให้คนใหม่ ยังไงขอล่วงหน้าแล้วแล้วกัน ปากก็โพนทนา ไม่เอา   เฮ่อ เป็นข้าราชการยากจริง ๆ

เขียนโดย   คุณ หยาด...น้ำตา
วันที่ 23 ก.ย. 2554 เวลา 21.29 น. [ IP : 101.109.55.229 ]

Deprecated: str_replace(): Passing null to parameter #3 ($subject) of type array|string is deprecated in /var/www/vhosts/pdmu.go.th/httpdocs/lib/util_wb.php on line 728


เขียนโดย   คุณ -hkik=dkiwmp
วันที่ 24 ก.ย. 2554 เวลา 06.25 น. [ IP : 101.109.44.228 ]
อนุโมทนากับมันไปเถอะ มันเรียกเท่าไหร่ก็ให้มันฉิบ....เป็นล้านเท่าก็ละกัน

เขียนโดย   คุณ งงงง
วันที่ 24 ก.ย. 2554 เวลา 10.00 น. [ IP : 202.41.167.241 ]
สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เขียนโดย   คุณ อยากจะเป็น
วันที่ 24 ก.ย. 2554 เวลา 11.17 น. [ IP : 101.109.44.228 ]
ถูกชมก็ธรรมดา ถูกด่าก็เฉยๆ


โดย ท่าน ว.วชิรเมธี

หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าว "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว" กัน มาบ้างแล้ว
คำกล่าวนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของจิตหรืออีกนัยหนึ่งของความคิดได้
เป็นอย่างดี ว่า จิตกำหนดวัตถุ หรือกายเป็นไปตามอำนาจของจิต

ผู้รู้ท่านหนึ่งเคยกล่าวถึงความสำคัญของจิต หรือความคิดไว้ว่า

"เธอจงระวังความคิด เพราะความคิดจะกลายเป็นการกระทำ

เธอจงระวังการกระทำ เพราะการกระทำจะกลายเป็นนิสัย

เธอจงระวังนิสัย เพราะนิสัยจะกลายเป็นบุคลิก

เธอจงระวังบุคลิก เพราะบุคลิกจะกำหนดชะตากรรมของเธอ"

ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่า เรามีความคิดหรือวิธีคิดอย่างไร
ในทางพุทธศาสนานั้น ท่านให้ความสำคัญกับวิธีคิดเป็นอันมาก

พระ นักปราชญ์ท่านหนึ่งได้ประมวลวิธีคิดในพุทธศาสนาไว้ว่ามีมากกว่า ๑๐ วิธี
วิธีคิดอย่างหนึ่ง ซึ่งเราควรนำมาปรับใช้ในชีวิตก็คือ วิธีคิดเชิงบวก

วิธีคิดเชิงบวก หมายถึง การ รู้จักเปลี่ยนมุมมองที่เรามีต่อสิ่งต่างๆ ซึ่งโดยมาก
มักแสดงตัวให้เราได้สัมผัสในแง่ลบ แต่พอเราพลิกมุมมองใหม่ เราจะได้อะไร
ดีๆ จากเรื่องลบๆ เหล่านั้น เช่น ในชีวิตจริงของผู้เขียนซึ่งทำงานกับคนหมู่มาก
มักจะพบกับคำชมและคำด่าอยู่เสมอ ๆ เมื่อแรกเผชิญกับคำชม ผู้เขียนก็ฟู
ครั้นพบกับคำด่าก็แฟบ แต่เมื่อเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนมุมมองต่อคำชมและคำ
ด่า ก็รู้สึกว่า ได้คุณค่าจากคำด่าคำชมเป็นอันมาก

คำชมนั้น สำหรับคนที่ไม่คิดอะไรมาก ดูเหมือนว่า ไม่ลำบากใจเลยที่จะน้อมรับ
แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว คำชมนั่นแหละคืออันตรายยิ่งกว่าคำด่า เพราะหากเรารู้
ไม่ทัน คำชมจะทำให้เราหลงตัวเองและมีโอกาสลืมตัวสูง ส่วนคำด่า
ถ้าพิจารณาไม่ดีก็ทำให้เราเสียศูนย์ได้ง่ายๆ แต่หากพิจารณาอย่างลึกซึ้งด้วยวิธี
คิดแบบมองโลกในแง่ดี บางทีคำด่ากลับมีค่ามากกว่าคำชม


เขียนโดย   คุณ ขรก ผู้น้อยตาดำๆ
วันที่ 27 ก.ย. 2554 เวลา 19.47 น. [ IP : 101.109.35.106 ]
“รอยยิ้มเย็นเย็นเป็นตัวอย่าง
สรรสร้างไมตรีดีนักหนา
รอยยิ้มเย็นเย็นเป็นตัวยา
รักษาโรคจิตถอนพิษใจ
ไม่ต้องเรียนหรอกหนาภาษายิ้ม
เพียงทำใจให้อิ่มก็ยิ้มได้
จะซื้อหารอยยิ้มให้อิ่มใจ
ซื้อเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มต้องยิ้มเอง”



เขียนโดย   คุณ ย.ยิ้ม
วันที่ 27 ก.ย. 2554 เวลา 19.49 น. [ IP : 101.109.35.106 ]
อืมม ชื่นชมๆ ท่านทั้งหลายมีจิตใจดีก็ดีแล้ว ปัจจุบันน่ะบ้านเมืองเราขาดแคลนคนจิตใจดี มีแต่คนเห็นแก่ตัว เห็นแกพวกพ้องเยอะ มือใครยาวสาวได้สาวเอา ทางที่ดีเอาตัวเราเป็นที่ตั้งน่ะดีแล้ว "เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา จงเลือกเอาส่วนดีเขามีอยู่ เป็นประโยชน์กับโลกบ้างยังน่าดู ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้กับเขาเลย...หลวงพ่อพุทธทาสกล่าวไป"  "อัน * * * ชั่วร้ายหาใครสอน มีแต่วอนให้รักดีมีเหตุผล เป็นคนเลวชั่วสามาน * * * คน ชอบชั่วฉลอันธพาล * * * เลว"

เขียนโดย   คุณ งงง
วันที่ 28 ก.ย. 2554 เวลา 09.48 น. [ IP : 101.109.43.143 ]
ทำมันนายกต้องมีสิทธิืไม่ให้ข้าราชการใช้ทุน อบต.เรียนด้วย และถ้าให้แล้วต้องมีบุยคุณกันมากมาย ตัด ขั้นเงินเดือน  ลดเงินโบนัส มิหนำซ้ำเงินโบนัสยังของ อีกตั้ง 10 %ถ้าเด็กนายกก้ได้รับโบนัสไปเต็ม  ๆๆสูงลิบ  ถ้าจะเอาโบนัสก็ต้องตามใจท่าน ๆๆๆๆ  เงินเปอร์เว็นต์ของผู้รับจ้างก็รับไปเต็มมคนเดียวยังไม่พอหรอ ผุ้รับเหมาก้เป็นเอง งานตกลงราคาก็ทำเอง  ข้าราชการต่ายหาหมด  ทำก่อนเอกสารตามที่หลังพร้อมเช็คจะเอววันนรี้งานเสร็จแล้ว ประเจ้า
ถ้าไม่ปิดงานให้ก็ไม่พอใจ...ทำไม่ได้ก็ย้านไปไม่ต้องอยู่ร่วมกัน    ที่นัยมีบ้างอย่างนี้นะ

เขียนโดย   คุณ ข้าราชการ
วันที่ 30 ก.ย. 2554 เวลา 14.02 น. [ IP : 118.175.146.133 ]
สิ่งที่อยู่เหนือความเกิดแก่ เจ็บตาย

โดย...พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ

การพัฒนาชีวิตของเรา ต้องดำเนินทั้งภายนอกด้วยทั้งภายในด้วย
ถ้าหากว่าเรามัวพัฒนาแต่เรื่องภายนอกโดยไม่คำนึงหรือละเลยสิ่งภายใน
การพัฒนานั้นจะขาดความสมดุล แล้วในที่สุดจะไม่ประสบความสำเร็จ

เราพึ่งพระรัตนตรัยตลอดชีวิตได้โดยไม่ต้องสงสัย
ที่พึ่งนอกจากนั้นเป็นที่พึ่งที่ทรยศ จะช่วยเราจริงๆ ไม่ได้
แม้ว่าเราจะพึ่งมันได้เป็นบางครั้งบางคราว
แต่ว่าถึงที่สุดแล้วมันก็จะหนีจากเรา มันจะพลัดพรากจากเราไป
เพราะมันเป็น...สังขาร...หมด
เราจึงพยายามปฏิบัติเพื่อบรรลุสิ่งที่เรียกว่า ...วิสังขาร...
สิ่งที่อยู่เหนือความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย

เพราะเรากลัวตัวเอง กลัวอยู่กับตัวเอง ก็ต้องเดินออกนอกอยู่ตลอดเวลา
ซัดส่ายไปตามอารมณ์ภายนอกอยู่ตลอดเวลา เลยเป็นทาสของสิ่งภายนอกอยู่ร่ำไป
สิ่งภายนอกขึ้นๆ ลงๆ เราก็ขึ้นๆ ลงๆ ตามความเคลื่อนไหวของสิ่งเหล่านั้น
จิตใจของเราก็ไหวกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา
ไหวกระเพื่อมจนกระทั่งเราถือความวุ่นวายว่าเป็นความปกติ

บางทีการเคลื่อนไหวและการกระทำการงานต่างๆ เป็นสิ่งที่สมควร
แต่บางคราวการอยู่นิ่งและการงดเว้นจากการกระทำก็เหมาะสมกว่า

ถึงแม้ว่าการปฏิบัติของเรานั้นยังไม่ถึงขั้นที่ว่า ...การปฏิบัติชอบ...
ก็อย่างน้อยที่สุด ขอให้เรา ...ชอบปฏิบัติ... เสียก่อน

เมื่อยังไม่ได้ปฏิบัติ ธรรมะก็เป็นแค่ปรัชญาอันลึกซึ้งที่น่าสนใจ
แต่ในโลกที่เป็นจริง พอกิเลสเกิดขึ้น เราก็ทนต่อกิเลสไม่ได้
มันฉุดลากไปเลย ความรู้ของเรามันหายไปไหนก็ไม่รู้

การจะฆ่ากิเลสหรือนิวรณ์นั้นต้องเข้าใจคำว่า ...ฆ่า...
นั้นว่าหมายถึง การรู้เท่าทัน ฆ่าด้วยการรู้เท่าทัน

การปฏิบัติทุกขั้นตอน อย่าไปปฏิบัติเพื่อจะเป็น เพื่อจะเอา
เพราะจะเป็นการปฏิบัติที่เป็นการพายเรือในอ่าง
ไม่เป็นการปฏิบัติที่จะข้ามไปฝั่งโน้น

ถ้าจะฟังเทศน์แต่ความจริงล้วนๆ พระจะต้องขึ้นธรรมาสน์พูดแต่คำว่า
...เกิด-ดับ เกิด-ดับ เกิด-ดับ... คงไม่มีใครอยากฟัง ฟังไม่กี่ครั้งก็เบื่อ
ผู้แสดงธรรมจึงต้องชูรสบ้าง หาอะไรมาประกอบการอธิบายเพื่อให้มันน่าฟัง
แต่แท้จริงแล้วความรู้เกี่ยวกับโลกที่ลึกซึ้งที่สุด
ก็สักแต่ว่าความเข้าใจในเรื่องการเกิด และการดับ
นักปฏิบัติผู้สามารถรู้แจ้งในการเกิดและการดับของสังขาร
ย่อมเบื่อหน่ายในการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งหลาย
และย่อมน้อมจิตไปเพื่อสิ่งที่อยู่เหนือการแตกสลาย

เมื่อเราเห็นด้วยตนเองและเข้าใจเรื่องกิเลสแล้ว
เราจะเห็นความทุกข์หลายๆ อย่างในชีวิตเรานี้ไม่จำเป็นเลย
มันไม่ได้เกิดเพราะดวงไม่ดี หรือเพราะกรรมเก่า
แต่เกิดเพราะความคิดผิดของเราต่างหาก

เราต้องรู้ว่าเดี๋ยวนี้เราปฏิบัติเพื่ออะไร เราปฏิบัติเพื่ออยากเอาอยากเด่นไหม
หลวงพ่อชา ท่านก็สอนเสมอว่า อย่าปฏิบัติเพื่อจะเอาอะไร
อย่าปฏิบัติเพื่อจะได้อะไร อย่าเป็นพระพุทธเจ้า อย่าเป็นพระอรหันต์
อย่าเป็นพระอนาคามี อย่าเป็นพระสกิทาคามี อย่าเป็นพระโสดาบัน
อย่าเป็นอะไรเลย เป็นแล้วมันเป็นทุกข์

อย่าเป็นอะไรเลย สบาย ความสบายอยู่ตรงที่เราไม่ต้องเป็นอะไร
เราไม่ต้องเอาอะไร ภาวนาจนไม่มีความรู้สึกว่าได้กำไรหรือขาดทุนจากการปฏิบัติ
มีความรู้สึกราบรื่น สิ่งภายนอกขึ้นๆ ลงๆ แต่เราก็ไม่ขึ้นๆ ลงๆ ตาม
เราอยู่ด้วยความวางเฉยของผู้รู้เท่าทัน อาการแห่งความสุขก็มีอยู่
แต่มันอยู่ข้างนอกมันไม่ได้เข้าไปถึงใจของเรา

จิตไม่ใช่อารมณ์ อารมณ์ไม่ใช่จิต อันนี้เป็นหลักสำคัญมาก
ท้องฟ้าไม่ใช่เครื่องบิน เครื่องบินไม่ใช่ท้องฟ้า
ท้องฟ้าก็อยู่อย่างนั้นแหละ เมฆก็ผ่านไปผ่านมา
เครื่องบินก็ผ่านไปผ่านมา เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว
อันนี้เป็นอากาศ แต่ว่าอากาศไม่ใช่ท้องฟ้า ท้องฟ้าไม่ใช่อากาศ

จิตไม่ใช่อารมณ์ อารมณ์ไม่ใช่จิต เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ
เดี๋ยวพอใจ เดี๋ยวไม่พอใจ อันนี้ก็เป็นอารมณ์ แต่อารมณ์ไม่ใช่ใจ
ที่ว่าวันนี้ใจไม่ดี ใจไม่สบาย ความจริงไม่ใช่เรื่องของใจนี่ ใจมันนิ่ง
ความยินดีและความยินร้าย ความพอใจและความไม่พอใจ
เป็นเรื่องของอารมณ์ต่างหาก ให้รู้จักแยกจิตออกจากอารมณ์
ยอมให้อารมณ์เป็นอารมณ์ ให้จิตเป็นจิต นี่เราจะมีความสบายอยู่ตรงนี้

การภาวนา คือ การลดความโง่ของตัวเอง
ผู้ที่หาว่าไม่มีเวลาภาวนา คือ ผู้ที่ถือว่าไม่มีเวลาลดความโง่ของตัวเอง

ผู้ที่มีสติกำหนดรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง จะเป็นผู้ที่รู้สึกสดใส
และเป็นผู้ไม่กระสับกระส่าย กระวนกระวาย
ที่จะแสวงหาความสุขและความมั่นคงจากภายนอก
ไม่ว่าจะเป็นลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือจะเป็นความรักความเคารพจากคนอื่น
ทีนี้เราไม่มีความรู้สึกว่าเราขาดอะไร ไม่ต้องการอะไรจากใครในโลก
เราไม่มีความรู้สึกว่าเรามีอะไรเกิน
จะมีแต่ความรู้สึกว่ามันพอดี ตรงนี้แหละจิตเป็นธรรม

เราไม่ต้องไปแสวงหาความแปลกๆ ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
ให้มารู้จัก มาตระหนัก กับสิ่งที่มันมีอยู่แล้วตามธรรมดาๆ นั่นแหละ
ปัญญาไม่ได้เกิดจากสิ่งผิดปกติ
แต่มันเกิดจากการรับรู้อย่างทะลุปรุโปร่งต่อสิ่งปกติ

เขียนโดย   คุณ ส.สำนึก
วันที่ 4 ต.ค. 2554 เวลา 06.25 น. [ IP : 182.53.151.185 ]
ไรว้า  อ่านแล้วงง

เขียนโดย   คุณ แป่ว
วันที่ 6 ธ.ค. 2554 เวลา 11.34 น. [ IP : 203.157.71.171 ]
     
: รายละเอียด  
 
: แนบไฟล์   เลือกไฟล์ 
 
: ชื่อผู้เขียน  
 
 
 
(1)    
 
 
 
 
 
 
 
การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส
ในการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
INTEGRITY AND TRANSPARENCY ASSESMENT SYSTEM
 
 
การประเมินประสิทธิภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
LOCAL PERFORMANCE ASSESSMENT